top of page

ramsam ผู้ให้บริการ ท่องเที่ยว ลาว เที่ยวนาม ครบวงจร

ramsam ผู้ให้บริการ ท่องเที่ยว ลาว เที่ยวนาม ครบวงจร

Get Started
maxresdefault.jpg

ชื่นชอมการท่องเที่ยว

Your Destination Awaits

หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่ชื่นชอมการท่องเที่ยว ประเทศ ลาว เวียดนาม ต้องที่ ramsam ที่พร้อมพาคุณ เที่ยว ซ็อป รับประทานหาร ได้ตามความต้องการ เพราะเรามีทีมงานที่รู้ทุกซอกทุกมุม ของประเทศ ลาว เวียดนาม มามากกว่า 25 ปี
Learn More
golden-bridge-da-nang-vietnam-desktop_preview.jpg

เที่ยว สะพานมือเวียดนาม (Golden Bridge Vietnam) แห่งบานาฮิลล์

หากให้พูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในเมืองดานังของเวียดนามที่หลายคนรู้จักกันดี หนึ่งในนั้นต้องมีสะพานมือเวียดนาม (Golden Bridge Vietnam) แห่งบานาฮิลล์ (Bà Nà Hills) รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอนค่ะ ด้วยความโดดเด่นของรูปปั้นของมือยักษ์ ที่ดูราวกับกำลังถือตัวสะพานเอาไว้ในอุ้งมือ ท่ามกลางวิวมุมสูงและขุนเขาที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ทำให้สะพานแห่งนี้กลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของเมืองดานัง ที่ทำให้หลายคนอยากจะไปเช็คอินและสัมผัสด้วยตาตัวเองกันให้ได้สักครั้ง และวันนี้เราจะพาคุณไปเที่ยวสะพานมือเวียดนาม (Golden Bridge Vietnam) แห่งบานาฮิลล์ แบบลงลึกถึงทุกซอกทุกมุมกันค่ะ

golden-bridge-da-nang-vietnam-1_content.webp

ทำความรู้จักกับสะพานมือเวียดนาม (Golden Bridge Vietnam)

Golden Bridge Vietnam ตั้งอยู่ที่ Hoa Phu บนยอดเขาใน Ba Na Hills บริเวณที่เรียกว่าพาราไดซ์การ์เด้น (Paradise Garden) ของบริเวณสวนสนุก Sunworld BaNA Hills เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ซึ่งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร ชาวบ้านมักจะเรียกสะพานแห่งนี้ว่า “Cầu Bàn Tay” หรือสะพานมือทองเวียดนาม ถึงแม้ว่าสีทองที่เกิดขึ้นจะเป็นสีของตัวสะพาน ไม่ใช่สีของรูปปั้นมือก็ตามที สะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในเดือนกรกฎาคมปี 2017 โดย Sun Group ก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนเมษายนปี 2018 และเปิดตัวช่วงต้นเดือนมิถุนายนในปีเดียวกัน โดยสะพานแห่งนี้เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างสถานีกระเช้าไฟฟ้า Marseille, สวน Thien Thai และ สวน Le Jardin d’Amour ภายในบานาฮิลล์ 
สถาปัตยกรรมและโครงสร้างของตัวสะพาน เรียกได้ว่ามีความสวยงามโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์มากเลยทีเดียวค่ะ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางมาที่นี่จะรู้สึกตื่นตาตื่นใจเมื่อได้เห็น และเหยียบขึ้นไปบนสะพานมือยักษ์แห่งนี้เป็นครั้งแรกด้วยกันทั้งนั้น โดยสะพานตั้งอยู่ที่ความสูง 1,414 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีความยาวทั้งสิ้น 148.6 เมตร มีความกว้างประมาณ 12.8 เมตร สร้างขึ้นเป็นเส้นทางคดเคี้ยวตามแนวทิวเขา มีการปลูกดอกไม้แซมอย่างสวยงาม มีจุดโค้งทั้งหมด 8 แห่ง ส่วนโค้งที่ยาวที่สุด คือ 21.2 เมตร โดยมีรูปปั้นหินรูปมือ 5 นิ้วทั้งสองข้าง ที่ออกแบบมาดูเหมือนกำลังถือสะพานสีทองอร่ามเอาไว้ ทำให้กลายเป็นจุดเด่นและไอคอนของสะพาน Golden Bridge Vietnam และทำให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนประเทศเวียดนาม อยากที่จะมาเช็คอินและเก็บภาพคู่กับสะพาน Golden Bridge Vietnam ท่ามกลางวิวทิวทัศน์สุดแสนอลังการในมุมสูงแห่งนี้กันให้ได้สักครั้ง

golden-bridge-da-nang-vietnam-2_content.webp

วิธีการขึ้นไปที่สะพานมือเวียดนาม (Golden Bridge Vietnam)

นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางไปเที่ยวสะพานมือเวียดนาม จะต้องนั่งรถกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปค่ะ โดยตั๋วถ้าขึ้นรถกระเช้าไป-กลับจะอยู่ที่ประมาณ 30 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 700,000 ถึง 900,000 ดงเวียดนาม ซึ่งสามารถจ่ายเป็นเงินดอลลาร์หรือเงินดงเวียดนามก็ได้ตามแต่สะดวก โดยคิดเป็นเงินไทยก็อยู่ที่ประมาณ 1,300 บาท พอเห็นราคาแล้วเชื่อเลยค่ะว่าหลายคนอาจคิดว่าราคาค่อนข้างสูงไปหน่อย แต่บอกเลยว่าเป็นอะไรที่คุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายไปอย่างแน่นอนค่ะ 

สำหรับกระเช้าลอยฟ้าจะมีให้บริการทั้งหมด 3 จุด เป็นกระเช้าไฟฟ้าแบบเคเบิ้ลเดี่ยวที่ไม่แวะพัก ซึ่งได้รับการบันทึกสถิติโลกโดย Guinness World Records ว่ามีความสูงที่สุด มีสายเคเบิ้ลยาวที่สุด ระยะทางไกลที่สุด และมีน้ำหนักมากที่สุด ซึ่งถ้าหากต้องการนั่งกระเช้าตรงไปที่สะพานกันเลย แนะนำให้เลือกขึ้นกระเช้าไฟฟ้าสายหลัก (Hoi An Station) ที่จะพาไปแวะที่สวนดอกไม้ (Marseille Station) ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับสะพาน หรือสายที่จะพาขึ้นไปที่ Sun World เพราะสะพาน Golden Bridge Vietnam แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของธีมปาร์คใน Sun World นั่นเองค่ะ คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับการนั่งกระเช้าลอยฟ้าที่ยาวที่สุดในโลกเป็นระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร ที่พาคุณขึ้นมายังยอดเขาบานาฮิลล์กันค่ะ

Our Adventures

โปรแกรมทัวร์ ลาวใต้+เวียตนามใต้

โปรแกรมครบ 7 วัน 6 คืน ไปรถกลับรถ

วันแรก :  อุบลราชธานี – จำปาสัก – อัตตะปือ – เปล์กู
07.00น.     รับคณะที่ด่านพรมแดนช่องเม็กอุบลราชธานี ผ่านพิธีการข้ามแดนเข้าสู่ลาวแขวงจำปาสัก ข้ามแม่น้ำโขงผ่านเมืองปากเซ แล้วออกเดินทางขึ้นเขาเข้าเขตหนาวเมืองปากซองรายล้อมด้วยแมกไม้ ไร่ชากาแฟมีให้เห็นตลอดสองข้างทางผ่านแขวงเซกอง สู่แขวงอัตตะปือ
12.00น.   รับประทานอาหารเที่ยงที่แขวงอัตะปือ แล้วออกเดินทางต่อ ขึ้นเขาสายภูหลวงทิวเขาสลับซับซ้อนป่าดงดิบรายรอบถนนเส้นทางใหม่ สวยกว่าทุกเส้นทางที่เชื่อมต่อลาว-เวียดนามถึง ด่านพูเกือ ผ่านพิธีการข้ามแดนเข้าสู่เวียดนามที่ ด่านโบวี เข้าเมือง กอนตูม แวะชม พิพิธภัณฑ์ดั๊กโต บ้านหลังคาสูงโดดเด่น แล้วเลยไปชม โบสถ์ไม้สัก ขนาดใหญ่ที่ทำด้วยไม้สักทั้งหลัง ก่อนออกเดินทางเดินทางมุ่งหน้าสู่เมือง เปล์กู
19.00น.    ถึง เมืองเปล์กู เมืองที่ใหญ่ที่สุดของภาคใต้ตอนเหนือ รับประทานอาหารเย็น เข้าที่พัก โรงแรม ฮองอันยาลาย (4 ดาว)
วันที่สอง :   เมืองเปลย์กู – บานเมทวด – เมืองยาจาง
07.00น.   อรุณสวัสดิตอนเช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม แล้วออกเดินทางสู่เมืองยาจาง ทะลเลียบชายทะเลตามเส้นทางหมายเลข 1 ทิวทัศน์สวยงามมาก
เที่ยง       คณะเดินทางถึงเมืองยาจาง รับประทานอาหารเที่ยง
บ่าย     ลงเรือล่องเรือ ชม อ่าวยาจาง ชมความสวยงามของทะเลที่โอบล้อมด้วยเมืองยาจาง โดยมีภูเขาเป็น  ฉากหลังแล้วยังได้ชมเกาะน้อยใหญ่ โดยเฉพาะเกาะวันพิสรัลซึ่งเป็นไข่มุกแห่งเวียดนามที่ใช้เป็นสถานที่ประกวดนางงามจักรวาล เผยแพร่อวดสายตาชาวโลก มีกระเช้าเชื่อมจากฝั่งสู่เกาะ มองเห็นพิพิธภัณฑ์ปลาที่ออกแบบเป็นเรือสำเภาโบราณสวยงามแปลกตา ชม วัดพูนากา ตั้งอยู่บนทำเลที่ สวยงาม เนินเขาริมฝั่งแม่น้ำบรรจบกับทะเลมีสะพานคู่ขนานที่เชื่อมต่อตัวเมืองทัศนียภาพที่สวยงามเมื่อมองจากวัดพูนากานี้ วัดพูนากา เป็นวัดของอาณาจักรจามปาที่เก่าแก่ สร้างด้วยอิฐแดงโดดเด่นตามศิลปะจามปาที่หาชมได้ยาก ต่อด้วยเข้า วัดลองเซิน ตั้งอยู่บนเนินเขามังกรของเมืองยาจาง  พระพุทธหินอ่อนองค์ใหญ่โดดเด่นบนยอดเขามองเห็นแต่ไกล ชาวไทยมีส่วนร่วมในการบูรณะวัดลองเซินนี้เป็นอย่างมาก แม้แต่พระพุทธไสยาสน์หินอ่อนขนาดใหญ่ที่นี่มีการแกะสลักภาษาไทยอยู่ใต้ฐาน ต้องเดินขึ้นบันได 152 ขั้น เพื่อนมัสการพระพุทธรูปองค์ใหญ่บนยอดเขาที่ประทับบนฐานดอกบัว  จากจุดนี้สามารถมองเห็นสภาพเมืองยาจางได้ทั่ว เดินชายทะเลหาดยาจาง สวยที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้เวียดนาม หาดทรายที่ขาวสะอาดเหยียดกว่า 10 กิโลเมตร เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นิยมของชาวเวียดนาม
ตลาดยาจาง ถือเป็นตลาดไข่มุกแห่งทะเลจีนใต้ ไข่มุกที่ตลาดนาตรังเป็นไข่มุกแท้ที่มีความแวววาวเปล่งประกายสวยงามยิ่งนัก
เย็น        รับประทานอาหารทะเลสดๆ  แล้วเข้าที่พักโรงแรม
วันที่สาม  :  เมืองยาจาง –  เมืองฟานเทียต มุยเน่ ทะเลทรายขาว ทะเลทรายแดง
06.00น.     อรุณสวัสดิตินเช้า รับประทานอาหารเช้า แล้วมุ่งหน้าสู่ มุยเน่ เมืองฟานเทียต  เมืองฟานเทียต เป็นเมืองชายทะเลตากอากาศและแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสวยงามและมีชื่อเสียงทางภาคใต้ของเวียดนาม ระหว่างการเดินทางผ่านชมธรรมชาติและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเวียดนามถึงฟานเทียต นำท่านสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ ณ ท่าเรือมุยเน่ ที่อบอวนไปด้วยบรรยากาศแบบชาวประมงเวียดนามแท้ๆซึ่งกลับเข้าฝั่งหลังออกหาปลาในยามค่ำคืน นำท่านชมและสัมผัสความงดงามของ ทะเลทรายแดง ซึ่งเป็นเนินทรายกว้าง  ใหญ่สีชมพูที่มีชื่อเสียงมากของเมืองมุยเน่ ทะเลทรายแดงอยู่ริมทะเลห่างจากตัวเมืองมุยเน่ประมาณ 5 กม. บริเวณด้านหน้าทะเลที่ติดกับชายฝั่งทะเลมีร้านอาหาร และตอนเย็นๆ จะมีเด็กๆ นำแผ่นพลาสติกให้นักท่องเที่ยวได้เล่นสไลด์บนเนินทราย จากนั้นเราไปเดินลุยน้ำกันที่ ซุยเตียน หรือ Fairly Stream เป็นธารน้ำสีแดง ขอแนะนำว่าหากใครจะมาเที่ยวที่นี่ให้ใส่ร้องเท้าแตะ จะสะดวกที่สุด โดยการเดินทวนลำธารขึ้นไปเรื่อย ๆ  เหยียบทรายในลำคลองชวนให้นึกถึงสมัยเด็กๆ ซุยเตียน  เกิดจากการกัดเซาะของน้ำ ที่  ระยะเวลาผ่านมานานมากจึงเกิดเป็นร่องน้ำและเกิดรอยกัดเซาะที่มีสีสันจากทรายที่สวยงาม
เที่ยง        รับประทานอาหารเที่ยง จากนั้นนำทุกท่านสู่ ทะเลทรายขาว ซึ่งอยู่ห่างจากทะเลทรายแดง ประมาณ 15 กม. โดยจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที ซึ่งทะเลทรายขาวเป็นเนินทรายสีขาวที่มีแหล่งน้ำจืดหรือโอเอซิสอยู่ใกล้ๆ เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยม  ไปถ่ายรูป และเป็นจุดหนึ่งที่ถ่ายภาพยนตร์ไทยเรื่อง “เราสอง สามคน” ไม่ไกลกันมีแหล่งน้ำจืด (โอเอซิส) สำหรับให้นักท่องเที่ยวใช้พักผ่อน  ถ่ายรูป และชมวิว ที่ท่านจะได้เพลิดเพลินกับกิจกรรมหลากหลายไม่ว่าจะเป็น เช่ารถจี๊ป หรือรถ ATV ตะลุยเนินทราย หรือสนุกสนานกับการเล่นแซนด์ดูนลื่นไถลจากเนินทรายสูงกว่า 40 เมตร (ค่าใช้จ่ายในกิจกรรมต่างๆ ไม่รวมในค่าบริการทัวร์)
เย็น        บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร Vietnam home Restaurant หลังจากนั้นนำท่านเข้าสู่ที่พัก NOVELA RESORT เชิญท่านพักผ่อนหรือท่องราตรีตามอัธยาศัย
วันที่สี่  :   มุนเน่ – เมืองโฮจิมินห์ซิสตี้
06.00น.     อรุณสวัสดิตินเช้า รับประทานอาหารเช้า แล้วออกเดินทางสู่ เมืองโฮจิมินห์ เมืองหลวงแห่งเวียตนามใต้หรือชื่อเดิม ไซ่ง่อน เดิมเป็นเมืองหลวงของเวียดนามใต้ ภายหลังสงครามเวียดนามสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1975  จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นนครโฮจิมินห์ เพื่อเป็นเกียรติแก่อดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ เป็นเมืองที่มีอายุกว่า 300 ปี เต็มไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และได้รับการขนานนามว่า “ไข่มุกแห่งตะวันออกไกล” อยู่ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม พื้นที่ทั้งประเทศ เป็นเมืองใหญ่ที่สองของประเทศรองจากกรุงฮานอย โฮจิมินห์เป็นศูนย์กลางด้านการคมนาคมตอนใต้ของเวียดนาม และเป็นประตูสำคัญแห่งหนึ่งของเอเชีย ในตัวเมืองมีอาคารสูงมากมาย มีข้อความหรือเครื่องหมายการค้าจากต่างแดน มีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใหม่ ๆ เรียงรายตลอดแนวของตัวเมือง ปัจจุบันนครโฮจิมินห์ไม่เพียงเป็นศูนย์กลางด้านการค้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยวของประเทศ
เที่ยง        คณะเดินทางถึงเมืองโฮจิมินห์ รับประทานอาหารเที่ยง หลังอาหารนำท่านเดินทางท่านชม ทำเนียบอิสรภาพ เคยเป็นทำเนียบของอดีตประธานาธิบดีเวียดนามใต้ และทำเนียบของผู้ว่าการฝรั่งเศสที่เรียกว่าทำเนียบโนโรโดม ถูกระเบิดทำลายใน พ.ศ. 2506 แล้วได้มีการสร้างอาคารขึ้นใหม่ให้ชื่อว่า ทำเนียบอิสรภาพ ออกแบบโดยโงเวียดทู ทุกวันนี้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชมได้ ชั้นล่างเป็นห้องจัดเลี้ยง ห้องโถงใหญ่ที่รัฐบาลเวียดนามใต้ประกาศยอมแพ้ ชั้นสองเป็นห้องรับรองของประธานาธิบดีตรันวันเฮือง ห้องพักของประธานนาธิบดีเหงียนวันเทียว ห้องอาหาร ห้องสวดมนต์คาทอลิก ชั้นสามเป็นห้องรับรองของภริยาประธานาธิบดี ชั้นสี่เป็นห้องฉายภาพยนต์ส่วนตัวและลานจอดเฮลิคอบเตอร์ซึ่งมองลงไปข้างล่างจะเห็นทิวทัศน์งดงามของถนนเลหย่วนได้ชัดเจน   จากนั้นชม เจดีย์หวิงเงียม เจดียเก่าแก่และคู่บ้านคู่เมืองของชาวเวียดนาม เดินทางผ่าน ย่านไชน่าทาวน์ ชมชีวิตความเป็นอยู่ ของชาวจีนในเวียดนาม ชมวัดเทียนหาว วัดจีนในเขตไชน่าทาวน์ที่  สร้างอุทิศให้กับแม่พระผู้ครองชาวเรือหรือเทพีเทียนหาว โดยชาวพุทธกวางตุง้ในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ชาวเวียดนามเชื่อว่าเทพองค์คนมีก้อนเมฆเป็นพาหนะเพื่อช่วยคุ้มครองผู้คนให้รอดพ้นจากอันตรายจากมหาสมุทรทั้งปวง ต่อด้วยชม โบสถ์นอร์ทเทรอดาม โบสถ์หลังคาสูงที่สร้างในสมัยที่เวียดนามยังอยู่ในอาณานิคมของ ฝรั่งเศส โดยสร้างเพื่อให้ เป็นโบสถ์ประจำเมืองไซ่ง่อนและได้สร้างตามต้นแบบของประเทศฝรั่งเศสนำท่าน ชม ไปรษณีย์กลาง ซึ่งถูกสร้างขึ้นอย่างวิจิตรตระการตา ชม อนุสาวรีย์ ท่านประธานาธิบดีโฮจิมินห์ ตั้งอยู่ด้านหน้าศาลากลางก่อสร้างด้วยสถาปัตยากรรมแบบฝรั่งเศส  จากนั้น อิสระท่านช้อปปิ้ง ตลาดเบนถัน มีสินค้ามากมายให้ท่านได้เลือกซื้อตามอัธยาศัย
เย็น        รับประทานอาหารเย็น บนเรือนั่งชมบรรยากาศยามค่ำคืนของแม่น้ำไซง่อน พร้อมชมการแสดงแสงสีเสียงสวยงามประทับใจ เข้าที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่ห้า  :  เมืองโฮจิมินห์ – เมืองดาลัท
06.00น.      อรุณสวัสดิตินเช้า รับประทานอาหารเช้า แล้วออกเดินทางสู่ เมืองดาลัท
เที่ยง      รับประทานอาหารเที่ยงระหว่างทางที่ น้ำตก  Dambri ต่อด้วยชม น้ำตก Dambri ซึ่งสูงถึง 60 เมตรเป็น  น้ำตกใหญ่ที่สุดในจังหวัด จากนั้นออกเดินทางต่อ
15.00น.      คณะเดินทางถึง เมืองดาลัท ที่อยู่ในจังหวัดลามดง ดาลัท เป็นอีกหนึ่งเมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงอันและโรแมนติคที่สุดและของเวียดนามเนื่องจากตั้งอยู่บนที่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,500 เมตร ทำให้อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปีแม้กระทั้งในฤดูร้อน อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 15-25 องศาเซสเซียส แวดล้อมด้วยขุนเขา ไร่กาแฟ และสวนดอกไม้ อาคารบ้านเรือนต่างๆปลูกสร้างรูปแบบสถาปัตยกรรมฝรั่งเศส เนื่องจากในสมัยอาณานิคม Alexdra Yersin  ได้ค้นพบเมืองดาลัท และเห็นว่าบรรยากาศค่อนข้างดี ทางฝรั่งเศสจึงได้เข้ามาพัฒนาและสร้างเมืองดาลัท เพื่อให้เป็นเมืองตากอากาศสำหรับชาวฝรั่งเศส ต่อด้วยชม พระราชวังฤดูร้อนพระราชวังตากอากาศของกษัตริย์เบ๋าได๋ จักรพรรดิ์องค์สุดท้ายของเวียดนาม ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นพระราชวังสุดท้าย ที่สร้างขึ้นในสมัยเรืองอำนาจของฝรั่งเศส ก่อนที่จะเกิดสงครามเวียดนาม แล้วทำให้จักรพรรดิ์บ๋าวได๋ต้องลี้ภัยไปอยู่ฝรั่งเศส แล้วไม่ได้กลับมาเหยียบผืนแผ่นดินบ้านเกิดอีกเลย จากนั่นนำท่านเดินทางสู่ย่าน  ช้อปปิ้งตลาดไนท์บาร์ซ่า  ของเมืองดาลัทให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้า นานาชนิด ตามอัธยาศัย รับประทานอาหารเย็น เข้าที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่หก  เมืองดาลัท สวนดอกไม้เมืองหนาว พระราชวังเบ๋าได๋ นั่งกระเช้าไฟฟ้า วัดจุ๊บหลำ 
06.00น.      อรุณสวัสดิตินเช้า รับประทานอาหารเช้า แล้วชม สวนดอกไม้เมืองหนาว ของเมืองดาลัท สัมผัสดอกไม้เมืองหนาวที่อวดโฉม รูปทรงและสีสันแปลกตา ซึ่งเป็นสายพันธ์ มาจากยุโรปสัมผัสกับบรรยากาศที่แสนโรแมนติก แล้วพาคณะเดินทางสู่ สถานีกระเช้าไฟฟ้าเคเบิลคาร์ กระเช้าไฟฟ้าแห่งนี้เป็นกระเช้าไฟฟ้าที่ทันสมัยที่สุดของประเทศเวียดนาม  และมีความปลอดภัยสูงที่สุดท่านจะได้ ชมวิว ของเมืองดาลัท ที่มองเห็นได้ทั้งเมือง ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาสูง 1,500 เมตร ท่ามกลางป่าสน บ้านเรือนและสวนดอกไม้ ชมเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น “ปารีสแห่งอินโดจีน” เต็มไปด้วยกลิ่นอายแบบตะวันตกมีโบสถ์คริสต์กระจายอยู่ทั่วเมืองจากนั้นนำท่านสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ วัดจุ๊บหลำ วัดพุทธนิกายเซนที่ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาอันสวยงามเหนือทะเลสาบเตวียนลาม ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์ที่สวยงาม
เที่ยง      รับประทานอาหารเที่ยง แล้วออกเดินทางสู่ เมืองบวนแมทวด เมืองกอนตูม เมืองชายแดนเวียดนาม-สปป.ลาว ที่แขวงอัตะปือ
เย็น         รับประทานอาหารเย็น เข้าที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่เจ็ด :  เมืองกอนตูม ชายแดนเวียตนาม-ลาว –แขวงอัตะปือ-แขวงเซกอง น้ำตกเซกะตาม-เมืองปากเซ-ด่านพรมแดนลาว-ไทย จ.อุบลราชธานี
06.00น.      อรุณสวัสดิตินเช้า รับประทานอาหารเช้า แล้วออกเดินทางสู่ชายแดนโบอีเข้าด่านลาวที่ด่านพูเกือขึ้นภูเขาสูงสลับซับซ้อนอีกครั้ง ผ่านแขวงอัตตะปือเข้าสู่แขวงเซกอง 
เที่ยง      รับประทานอาหารเที่ยง แล้วออกเดินทางต่อผ่านเมืองปากเซ สู่ด่านพรมแดนลาว-ไทย
16.00น.     เดินทางถึง บริเวณด่านพรมแดน ซื้อของฝาก สินค้าอินโดจีน สินค้าปลอดภาษี มากมาย ได้เวลา ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ออกเดินทางกลับสู่ จ.อุบลราชธานี กลับพร้อมความประทับใจจากทีมงาน

bottom of page